มนต์รักสลับขั้ว

ฉันนั่งนิ่งอยู่ใต้ต้นตีนเป็ด ในวันที่แดดอ่อน ๆ สายลมเอื่อย ๆ 
นั่งนึกอะไรเล่น ๆ
จริงสิ... เพื่อนใหม่ ฉันมีเพื่อนใหม่
เธอน่ารักมาก ๆ เธอชื่อ ม๊ะ กับ แป้น สาวรุ่นใหญ่ ลูกสองลูกสาม
ยึดเคร่งในศาสนา โพกผ้าคลุมผมตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน 
ทุกครั้งที่มีโอกาสได้นั่งคุยกัน
จะมีคำสอนในศาสนามาแทรกให้ฉันได้นั่งอมยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ๆ 
แสดงออกว่าฉันรับทราบแล้วค่ะ
นี่เธอรู้มั๊ย? เขาบอกว่าผู้หญิงมุสลิมเราน่ะ ไม่ควรฉีดน้ำหอม เวลาที่ออกจากบ้าน”
อ้าว!!  ทำไมละคะ”
ก็คนที่ควรจะได้กลิ่นหอมจากตัวเรา ต้องเป็นสามีเราคนเดียวเท่านั้น ยังไงล่ะ”
ฉันได้แต่นั่งยิ้ม แล้วพนักหน้า
อ้อ และยังมีอีกนะ เราควรทำละหมาดซะบ้าง 
เวลาที่จะบนโลกนี้ก็ไม่รู้จะอีกกี่นาน ไม่มีใครรู้ มีโอกาสทำก็ทำซะนะ”
คงนึกไม่ออกแล้วว่าฉันควรทำหน้ายังไง อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกละอาย

จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นได้ยังไงกัน
ก็เพื่อนฉันทั้งสองคน เขาไม่ได้เป็นมุสลิมมาแต่กำเนิดเหมือนฉัน
จ๊ะม๊ะ เมื่อตอนเด็กเธอชื่อหมวย เป็นลูกสาวคนจีนที่หมู่บ้านศรีรายา อำเภอเกาะลันตา
เธอเป็นสาวหมวยร่างใหญ่แก้มป่องที่มีจิตใจดี น่ารักและมีน้ำใจ
สิ่งที่เปลี่ยนเธอจาก "หมวย" มาเป็น "ม๊ะก็เพราะความรัก (ฉันคิด
เธอแต่งงานกับหนุ่มอิสลาม 
ครอบครัวของเธอก็อบอุ่น มีลูกสาวและลูกชายที่กำลังโต
ฉันนับถือในความศัทธาของเธอที่มีต่อฮัลเลาะห์ 
และยังศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับศาสนาอยู่ตลอดเวลา
เธอเป็นคนมีฐานะ มีทั้งกิจการโรงแรมรีสอร์ท ธุรกิจบ้านเช่าที่นับไม่หมด
ส่วนฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่กำลังจะเจ้งในไม่ช้านี้แล้ว มันช่างต่างกันซะ 
แต่ดีที่ฉันไม่ต้องเป็นหนี้แบงค์ 
สิ้นเดือน ไม่ต้องปวดหัวว่าจะเอาตังค์ที่ไหนจ่ายค่าดอกเบี้ยที่แสนแพง
แต่ละคนก็ทำมาหากินกันตามแต่ใจ

นี่ ๆ น้องณ แป้งทาหน้ารุ่นนี้ดีมากเลยนะ ทาแล้วหน้าเนียนใส 
หน้าไม่มัน กันแดดได้ด้วย แต่มันจะไม่ติดแน่นทนนานเหมือนยี่ห้ออื่นนะ 
เพราะไม่ได้ใส่กาวลาเท๊กส์ ที่เป็นอันตรายต่อผิวเรานะจ๊ะ”
สาวร่างท้วมอวบอั๋น ผิวเข้ม พูดเก่งคนนี้ เธอชื่อ แป้น ฉันเรียกเธอจ๊ะแป้น 
แต่อีกไม่นานฉันว่าจะเปลี่ยนชื่อเธอเป็น "น้องกิฟ"
ตามธุรกิจส่วนตัวของเธอที่เธอชื่นชอบมาก 
นั่นก็คือกิฟฟารีน ที่ตอนนี้เธอคือเจ้าแม่
เธอสามารถพูดให้ฉันติดกับและยอมสมัครเป็นสมาชิกได้ในราคา 180 บาท
เพราะทุกครั้งที่เจอกัน 
เห็นโลโก้กิฟฟารีนติดอยู่ที่หน้าเธอโผล่มาแต่ไกล แล้วเสียงเจื้อยแจ้วก็ตามมา
เธอเป็นคนจังหวัดไหนจำไม่ได้ แต่โดยสายเลือดเธอคือพุทธศาสนิกชน
ที่ทุกวันนี้ไม่มีสิ่งเหล่านั้นหลงเหลือให้เห็นอยู่ในตัวเธออีกเลย
เธอชอบแต่งชุดสีดำ ตั้งแต่ผ้าคลุมผมจนถึงเท้าของเธอ
เธอไม่ได้ไว้ทุกข์ หรืออมทุกข์อะไร 
ฉันคิดว่าเธอคงมั่นใจขึ้นมากกว่าถ้าเธอได้พรางหุ่นตัวเองบ้าง
เธอแต่งงานและมีครอบครัวกับหนุ่มอิสลามที่นี่เช่นกัน 
มีลูกสามคน ลูกชายหนึ่ง ลูกสาวหนึ่ง และลูกครึ่งอีกหนึ่ง
(ครึี่งหญิง ครึ่งชาย) ที่บางทีเธอเองก็พูดอยู่บ่อย ๆ 
ว่าเธอมีลูกชายสองคน
เธอเป็นคนที่ทำกับข้าวเก่ง และแน่นอนเธอก็กินเก่ง
เวลาที่จ๊ะม๊ะชวนไปกินข้าวนอกบ้านกัน 
อดไม่ได้ที่จะต้องโทรหาจ๊ะแป้น 
เพราะเธอกินสนุก กินอร่อย และกินหมด ไม่มีเหลือ 
และจบลงด้วยการนั่งลูบหน้าท้อง และบ่นพึมพำว่า 
"ชั้นอยากจะลดน้ำหนักลงอีกสักหน่อย สังสัยต้องกินน้อยกว่านี้แล้วล่ะ”
มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จ และจบลงแบบเดิม 
เธอทั้งสองหันมามองฉันแล้วบอกว่า 
"ณกินเยอะ ๆ หน่อย ลมพัดจะปลิวแล้วเนี่ย!!”
เธอคงตั้งใจกินจนลืมดูว่าฉันเองกินจนเสื้อก็เริ่มคับที่พุงแล้วเหมือนกัน
และฉันก็ได้แต่อมยิ้มแล้วพยักหน้า 
พร้อมใช้สายตาวิงวอนเชิงขอร้อง 
ว่าอย่าสั่งอะไรมาเพิ่มอีกน๊าาาาา!!!!
แม้แต่บัวลอยเม็ดเดียวฉันคงใส่ลงไปไม่ได้อีกแล้ว.....

ฉันเริ่มปวดหัวกับกลิ่นของดอกตีนเป็ดซะแล้วสิ 
ทั้งที่ตอนแรกมันช่างหอมยวนใจ
ฉันคงนั่งดมมันนานเกินไป
ถึงเวลาต้องไปทำอย่างอื่นบ้างแล้ว

เหมือนกับเวลาที่รู้จักใคร ๆ 
บางทีก็ไม่จำเป็นต้องตามเขาจนความเป็นตัวเองหายไป
เว้นวรรคแล้วขึ้นบรรทัดใหม่ ก็น่าจะดีกว่า
ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป
การรักษาระยะห่างของความสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็น
ฉันเคยอ่านบทความขำขำอยู่ประโยคนึง ของโน๊ต อุดม
เขียนว่า "ความรักก็เหมือนกลิ่นส้วม นั่งนาน ๆ 
ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร จนกว่าจะออกมา แล้วกลับเข้าไปใหม่”
แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องกลิ่นส้วม...

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม